วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อีกด้านของเรื่องเล่า ชีวิตหลัง14 ตุลาฯ ‘ครอบครัวกิตติขจร’

อีกด้านของเรื่องเล่า ชีวิตหลัง 14 ตุลาฯ’ครอบครัวกิตติขจร
ไทยพีบีเอสเคยนำเสนอสารคดี เรื่อง “หากไม่มีวันนั้น 14 ตุลาคม 2516” ซึ่งเป็นสารคดีที่สัมภาษณ์ผู้ที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ทั้งนักการเมือง นักหนังสือพิมพ์ ผู้นำนักศึกษาและนักวิชาการ หลากหลายทัศนะความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์14ตุลา วันมหาวิปโยค
หนึ่งในบุคคลที่สารคดีชิ้นนี้สัมภาษณ์คือ ‘พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร‘ บุตรชายของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 10 และเป็นบุตรเขยของ จอมพลประภาส จารุเสถียร ซึ่งพ.อ.ณรงค์ถือเป็นหนึ่งใน 3 บุคคลของฝ่ายรัฐบาลที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด ในเหตุการณ์ 14 ตุลา ปี 2516 รวมไปถึงสัมภาษณ์ คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี  บุตรีของจอมพลถนอมด้วย
14
พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ให้สัมภาษณ์กับทีมงานสารคดีเกี่ยวกับเบื้องหลังของฝ่ายรัฐบาลในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา รวมไปถึงชีวิตของครอบครัวกิตติขจรหลังเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตย
พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร กล่าวถึงกรณีข่าวลือที่ปล่อยในช่วงนั้นว่าตนเป็นผู้ขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์แล้วกราดยิงนักศึกษาและผู้เข้าร่วมชุมนุมว่า พลเอก กฤษณ์ สีวะรา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เสนอในที่ประชุมว่าเพื่อไม่ให้นักศึกษาเข้าไปเพิ่มในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะให้ปิดล้อมธรรมศาสตร์โดยให้ทหารเรือยกพลขึ้นบกทางแม่น้ำ และให้ทหารบกขึ้นไปทางบก
แต่พ.อ.ณรงค์เสนอว่าก่อนที่จะทำเช่นนั้นขอให้ตนได้ขึ้นไปตรวจการณ์ทางอากาศก่อน จึงได้ขับเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปดูและรายงานลงมาว่าให้ระงับการยกพลขึ้นบก แต่ข่าวกลับออกมาว่าตนเป็นคนยิงลงมา 
พ.อ.ณรงค์เล่าต่อว่า หลังจากเหตุการณ์14ตุลาคม พอตนรู้ว่าจะต้องออกนอกประเทศก็คิดแต่เพียงว่าต้องไปอยู่ที่ไหน และจะไปทำอะไรกัน ตนคิดอยู่อย่างเดียวว่าถูกหักหลังไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลย ข้อผิดพลาดก็ไม่มีนอกจากหักหลังกันเองเพื่อที่จะขึ้นเป็นใหญ่ หลังจากนั้นปี2520ก็ได้กลับเข้ามาเมืองไทย ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจที่ได้กลับบ้าน
13
ด้านคุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี บุตรีของจอมพลถนอม ได้เล่าว่าพวกลูกๆไม่อยากให้คุณพ่อไป เพราะว่ามีตัวอย่างที่ไปแล้วไม่ได้กลับเยอะ จึงให้คนเข้าไปหาพลเอกกฤษณ์ว่าเราจะไม่วุ่นวายอะไรทั้งสิ้น จะอยู่สงบไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก แต่พลเอกกฤษณ์บอกว่าไม่ได้ ยังไงก็ต้องไป จึงต้องลี้ภัยไปอยู่บอสตัน สหรัฐอเมริกา
ทุกวันนี้ไม่เคยคิดที่จะตำหนิหรือว่ากล่าว พวกขบวนนิสิตนักศึกษาเลย เพราะตนคิดว่าพวกเขาก็มีเหตุผลของเขา แต่ทางฝ่ายที่เป็นมือที่3 ที่สร้างสถานการณ์รุนแรงนั้น ตนก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเหตุผลที่พวกเขาต้องทำแบบนั้น นอกจากเหตุผลที่คุณพ่อไปสร้างความไม่พอใจให้คนหลายๆคน
เช่าบ้านตัวเองอยู่
บ้านพักถกลสุข
บ้านพักถกลสุข
สารคดีได้เล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านพักถกลสุข ที่ตั้งอยู่บริเวณถนนระนอง ซึ่งเป็นบ้านพักของครอบครัวกิตติขจร ว่า หลังจากเหตุการณ์14 ตุลา ทรัพย์สินของจอมพลถนอมทั้งหมด ถูกยึดให้เป็นสมบัติของรัฐบาล 40ปีผ่านไปทรัพย์สินทั้งหมดที่รัฐบาลยึดไว้จากการใช้มาตรา17 ก็ยังคงสภาพเป็นของรัฐบาลอยู่
พ.อ.ณรงค์และคุณหญิงทรงสุดา เล่าว่า ทรัพย์สินทุกอย่างโดนยึด เงินส่วนตัว บ้านเกิดของคุณพ่อที่จังหวัดตากก็โดนยึด รถเก่าๆคันหนึ่งก็โดนยึดไปด้วย ตอนหลังรัฐบาลก็คืนรถให้ แต่ไม่ยอมคืนบ้านให้ ซึ่งตอนนี้ครอบครัวกิตติขจรยังต้องเช่าบ้านตัวเองอยู่
ครอบครัวกิตติขจร
ครอบครัวกิตติขจร
“…ความ จริงสัมภาษณ์สารคดีนี้ตนไม่อยากให้สัมภาษณ์เท่าไหร่ ไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ใครจะมองผมยังไง ผมก็เป็นตัวของผม ใครจะคิดว่าผมทำไม่ถูกก็ช่วยไม่ได้ จะพิพากษาก็พิพากษาไป ผมไม่ว่าอะไร จะเห็นผมเป็นเขียด เป็นกิ้งกือ เป็นหมาก็ได้ ผมก็เป็นผมอยู่อย่างนี้…”
พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร  : สารคดี หากไม่มีวันนั้น 14 ตุลาคม 2516 โดยไทยพีบีเอส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น